Sunday, January 14, 2007

กาลครั้งหนึ่งในป่าใหญ่

เขียนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2005

กาลครั้งหนึ่งในป่าใหญ่

เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีสัตว์นานาชนิดที่อยู่ีรวมกันอย่างสงบสุข เป็นที่ๆสัตว์ทุกตัวรักในผืนป่าของตนเองเป็นอย่างยิ่ง เป็นสังคมสัตว์ที่แม้จะมีการไล่ล่า แก่งแย่งชิงดีกัน แต่ก็เป็นสังคมที่มีความเป็นธรรมพอสมควรโดย เป็นผืนป่าที่สัตว์ทุกๆตัวจะมีการเลือกจ้าวป่าด้วยการให้คะแนนเสียง

เมื่อห้าปีก่อน พญาราชสีห์ ได้รับการเลือกให้เข้ามาเป็นจ้าวป่าเข้ามาอย่างท่วมท้นเพราะเป็นผู้ที่สัตว์น้อยใหญ่ให้ความรักใคร เป็นความหวังของสัตว์ทุกหมู่เหล่า เพราะพญาราชสีห์มีความโอบอ้อมอารี และมีอัธยาศัยไมตรีที่ดีโดยทั่วถึงกันไม่ว่าสัตว์เหล่านั้นจะเป็นประเภทใด สะอาดหรือสกปรก เข้มแข็งหรืออ่อนแอ

หนึ่งในสัตว์ที่สนับสนุนให้พญาราชสีห์ได้รับการเลือกเป็นจ้าวป่าก็คือ “หมาป่าเฒ่า” ตัวหนึ่ง

หมาป่าเฒ่าตนนี้ รักและเทิดทูนพญาราชสีห์มาก ไม่ว่าจะมีสัตว์น้อยใหญ่ตนใดทำการวิพากษ์วิจารณ์หรือด่าทอ พญาราชสีห์พวกพ้องมากมายเพียงใด หมา่ป่าเฒ่าตัวนี้จะออกโรงปกป้องพญาราชสีห์ตัวนี้เสมอ เพราะหมาป่าเฒ่ามีความเชื่อมันในพญาราชสีห์ตัวนี้จนหมดหัวใจ

แต่แ้ล้วเมื่อเวลาผ่านไป หมาป่าเฒ่าตนนี้เริ่มเห็นว่า พญาราชสีห์ ได้ค่อยเปลี่ยนไป กลายเป็นผู้ที่ลุแก่อำนาจ ไม่ฟังเสียงของสัตว์ตัวอื่นๆ ในป่า ถ้ามีสัตว์ตนใดหรือฝูงใดไม่เห็นด้วยและต่อต้าน พญาราชสีห์จะด่าทอว่า โง่ หรือใช้พวกพ้องที่เป็นบริวารไปจัดการกำหราบอย่างเด็ดขาด และก็ไม่มีใครจะต่อต้านได้ เนื่องจากพญาราชสีห์และพวกพ้อง นอกจากจะีมีพลกำลังที่กล้าแข็งแล้ว ยังมีความชอบธรรมที่ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็นจ้าวป่าโดยการยอมรับของสัตว์ป่าส่วนมากอีกด้วย

หมาป่าเฒ่า ผู้มีความรู้แตกฉาน ผ่่านโลกมานาน ได้เห็นการขึ้นสู่อำนาจและการลงจากอำนาจของจ้าวป่าหลายผู้ หลายตน หลายสมัย จึงได้ ออกโรงมาวิพากษ์วิจารณ์การปฎิบัติตนของราชสีห์ โดยไม่ได้ทำอย่างเอิกเริก แต่ทำอยู่ใน “ถ้ำ” ของตนเอง ที่อยู่ร่วมกับพรรคพวกของพญาราชสีห์

แต่เืืมื่อวันหนึ่่งเมื่อพญาราชสีห์ทนไม่ได้ พญาราชสีห์จึงสั่งให้บริวารที่อาศัยอยู่ในถ้ำกับ หมาป่าเฒ่านั้น ขับไล่หมาป่าเฒ่า ออกจากถ้ำทันที โดยตั้งข้อหาว่า บังอาจเอ่ยถึง “ฟ้า” ซึ่งเป็นสิ่งที่สัตว์ทุกผู้ทั้งผืนป่า รักใคร่หวงแหน เพราะเป็นที่ให้แสงแดด ให้น้ำ ให้ดาวอันงดงาม ให้จันทร์อันอบอุ่น

หมาป่าเฒ่า ผู้ได้รับความอับยศจึงได้ออกจากถ้ำ และไปทำการวิพากษ์วิจารณ์ พญาราชสีห์ต่อไป ตามที่ต่างๆ ในเขตของสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ลำธาร หุบผา ถ้ำอื่นๆ โดยทำให้สัตว์ป่าที่เคยรัก และชื่นชอบพญาราชสีห์นั้น เริ่มจะมีความกังขา สงสัย ในพญาราชสีห์มากขึ้น โดยในที่สุดแล้ว หมาป่าเฒ่าตัวนี้ได้ยึด “ทุ่งใหญ่” เป็นที่มั่น ที่จะให้สัตว์ป่าตัวอื่นๆ มาฟังการวิพากษ์วิจารณ์ราชสีห์ ในทุกๆอาทิตย์ โดยนับวันก็มีแต่จะได้รับความสนใจมากขึ้น โดยจำนวนสัตว์ป่านั้นมีเพิ่มขึ้น จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น และจากหมื่นเป็นแสน ซึ่งยังไม่นับรวมกับ สัตว์ป่าอื่นๆ ที่กระจายกันออกไป แต่ได้รับข่าวสารและคำบอกเล่าจากสัตว์ตัวอื่นๆ ที่เคยเดินทางมาที่ “ทุ่งใหญ่”

พญาราชสีห์ นับวันมีแต่จะเริ่มสั่งสมปัญหา โดยนอกจากจะมีสัตว์ป่ามากมายหลายกลุ่มที่เริ่มทวงสัญญาที่พญาราชสีห์เคยให้ไว้ ก็ยังมีหมาป่าเฒ่าตัวนี้ ที่คอยขุดคุ้ย เรื่องราวเกี่ยวกับพญาราชสีห์ และพวกพ้อง อย่างไม่หยุดไม่หย่อน จึงได้สั่งการให้ “พญาวานร” ผู้เป็นขุนพลซ้าย และ “หมาจิ้งจอก” ที่เ็ป็นขุนพลขวา ไปจัดการแ้ก้ปัญหาเรื่องหมาป่าเฒ่านี้ให้จงได้

พญาวานร ครั้งได้รับคำสั่งจึงได่ส่งสมุนวานรมากมายหลายสิบตัวไปทำการก่อกวนและรบรากับหมาป่าเฒ่าทันที อันว่าหมาป่าเฒ่านั้น แม้จะแก่ชรา แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นหมาป่าเดียวดาย ยังมีหมาป่าหนุ่มสาวมากมายหลายผู้คอยให้ความช่วยเหลือ ปกป้อง และนอกจากนี้ หมาป่าเฒ่าเองก็ยังเป็นผู้ที่มีกำลังกล้าแข็ง ทำให้เหล่าวานรนั้นเพลี่ยงพล้ำ และเสียกระบวนไปหลายครั้ง

หมาป่าเฒ่าเองก็เคยเอ่ยกับสัตว์ป่านับหมื่นที่มาชุมนุมกันว่า แปลกใจที่ทำไม พญาราชสีห์ที่แข็งแกร่ง ไม่เคยมาเองเลยสักครั้ง ได้แต่ส่ง ฝูง “วานร” “หมาจิ้งจอก” และล่าสุดคือ “หมูป่า” มาโจมตี นอกจากนี้จะสังเกตุได้ว่า เวลาที่บริวารทั้งหลายลงมือนั้น พญาราชสีห์ไม่เคยอยู่ในป่าเลย แต่จะพาพวกพ้องออกไปท่องเที่ยวนอกผืนป่า เสมอ โดยเมื่อกลับมาก็จะตอบคำถามกับสัตว์ป่าว่า ไม่เกี่ยวกับข้าพเจ้า เป็นเรื่องของพญาวานร และหมาจิ้งจอกที่จะทำหน้าที่ เพราะหมาป่าเฒ่าทำผิดกฎของป่า

หมาป่าเฒ่ายืนยันอยู่เสมอว่า ตนนั้น ไม่เคยดูถูก “ฟ้า” แต่มีความจงรักภักดีต่อ “ฟ้า” เสมอ และในครั้งหนึ่ง ก็ได้ทำการชักชวนสัตว์ป่าที่มาชุมนุมอยูี่กลางทุ่งใหญ่ให้เอาอำนาจการปกครองป่า คืนต่อ “ฟ้า” เนื่องจากอำนาจที่พญาราชสีห์มีอยู่เองก็มาจากฟ้าเช่นกัน

โดยที่ระหว่างที่ชักชวนไปนั้น หมาป่าเฒ่าก็ต้องปัดป้องการก่อกวนจากวานร จากหมาจิ้งจอก และจากหมูป่า ในทุกๆ ทิศทาง ตลอดเวลา

แต่แล้วก็มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น

เมื่อ พญาคชสารตนหนึ่ง ที่นั่งดูเหตุการณ์อย่างสงบ มาโดยตลอด เป่าลมแรงๆ หนึ่งครั้งใส่ หมาป่าเฒ่า ที่กำลังต่อกรกับฝูงวานรอยู่ ทำเอาหมาป่าเฒ่ากระเด็นไป

อันความความเจ็บปวดที่ตกกระแทกพื้น ยังไม่เท่าความตกใจ ว่าทำไมพญาคชสารจึงทำเช่นนี้

อันว่า คชสารนั้น เป็นฝูงสัตว์ที่มีอำนาจมากที่สุด เมื่อครั้ง 60-70 ปีที่แล้ว มักจะใช้ความที่มีกำลังวังชามากมายมหาศาลเหนือกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ มาทำตัวเป็นอันธพาล ยึดอำนาจการปกครองป่ามาเป็นของตัวเองเอาดื้อๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา คชสารเป็นกลุ่มสัตว์ที่ทำตัวเรียบร้อย จึงกลายมาเป็นที่รักของสัตว์ทุกๆผู้ ที่นับถือในความแข็งแกร่งและความมีระเบียบวินัย และมักจะอยู่อย่างสงบในรังของตนเอง ไม่เคยก่อความเดือดร้อนให้ใคร โดยเป็นที่ทราบกันดีว่า คชสารนั้นมีสิ่งที่รักเหนือชีวิตอยู่สองอย่าง ได้แก่ พี่น้อง(คชสารด้วยกันเอง) และ “ฟ้า” เท่าน้น

การพ่นลมของ พญาคชสารใส่ หมาป่าเฒ่า ที่กำลังถูกรุมล้อมโจมตีจากฝูงวานร ฝูงหมาจิ้งจอก และฝูงหมูป่านั้น ทำให้สัตว์ป่าที่อยู่ในที่ชุมนุมและมีความรักเทิดทูนต่อ หมาป่าเฒ่า เป็นเดือดเป็นแค้นเป็นอันมาก เพราะหมาป่าเฒ่าเองก็ เจอศึกหนักอยู่แล้ว ทำไมจึงมีการโดนโจมตีจาก พญาคชสารอีก

เมื่อหมาป่าเฒ่า หันไปมองก็พบว่า นี่คือพญาคชสารที่มีกำลังวังชาเป็นอันมาก เทียบกับพญาคชสารตัวอื่นๆ แม้จะไม่เป็นเป็น มหาพญาคชสารที่มีอำนาจมากที่สุดก็ตาม แต่ก็นับว่า สร้างความอกสั่นขวัญแขวนให้กับสัตว์ตัวอื่นๆ ได้ แต่หมาป่าเฒ่าก็ถามพญาคชสารตนนั้นว่า เหตุใดท่านจึงทำร้ายข้าพเจ้า พญาคชสารก็ตอบว่า เพราะท่านเอ่ยถึง “ฟ้า” ที่ข้าเคารพมากจนเกินไป “ฟ้า” เป็นของสูง อย่าได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือของท่าน หรือนำมาเปรียบเทียบกับพญาราชสีห์

หมาป่าเฒ่าได้ยินดังนั้นก็โกรธ และยืนยันว่า ตนเองนั้นไม่ได้มีความจงรักภักดีต่อ “ฟ้า” น้อยไปกว่า ฝูงคชสารเลย และเมื่อหมาป่าเฒ่าเพิ่งพินิจ พญาคชสารคนนั้นก็จำได้ว่า นี่คือ พญาคชสารที่มีความสนิทสนมกับ พญาราชสีห์ จึงได้ป่าวประกาศให้สัตว์นับหมื่นได้ยิน ทำให้สัตว์นับหมื่น โกรธแค้นมาก โดยส่วนใหญ่นั้น เสียใจที่พญาคชสาร ที่น่าจะเป็นที่พึ่งของฝูงสัตว์อื่นๆ ที่มีกำลังน้อย น่าจะเป็นผู้ปกป้องผืนป่า ทำไมจึงไปปกป้องแต่ พญาราชสีห์

ความก็ไปถึงหูของ มหาพญาคชสาร อันเป็นผู้นำของคชสารทั้งปวง เมื่อทราบเรื่องของ พญาคชสารที่ไปพ่นลมใส่หมาป่าเฒ่าก็ตกใจ ถึงต้องออกมาประกาศให้สัตว์ทั้งป่าได้ยินว่า การกระทำของพญาคชสารนั้น ไ่ม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับฝูงคชสารทั้งปวงแต่อย่างใด ขอให้สัตว์ป่าทุกตัวอย่าได้ตื่นตกใจ นอกจากนี้ก็มีพญาคชสารตนอื่นๆ ออกมาตักเตือนพญาคชสารที่พ่นลม ว่าเป็นเรื่องไม่สมควรอีกด้วย

แต่สัตว์ป่าทุกตนก็ทำใจนิ่งไ่ม่ได้เสียแล้ว เพราะความขัดแย้งต่างๆ ระหว่างพญาราชสีห์ และหมาป่าเฒ่าที่ผ่านมานั้น ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งใดที่ จะมีคชสารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เหตุการณ์จึงเริ่มตึงเครียด ทำให้สัตว์ป่าต่างๆ มีความวิตกกังวลมากขึ้น

อันว่า ฝูงวานร หมาจิ้งจอก และ หมูป่า ที่ได้รับคำสั่งมาจากพญาราชสีห์ นอกจากจะทำการรุมโจมตีหมาป่าเฒ่าและพวกพ้องแล้ว ยังทำการเดินทางไปทั่วผืนป่า เที่ยวป่าวประกาศให้สัตว์ป่าทุกตน ไม่ให้พูดถึงหมาป่าเฒ่า หรือเอ่ยถึงคำพูดที่หมาป่าเฒ่าทำการวิจารณ์พญาราชสีห์และพวกพ้องเด็ดขาด ถ้าไม่ทำตาม จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ ทำให้สัตว์ทั้งหลายเริ่มสนใจหมาป่าเฒ่ามากขึ้นๆ เริ่มเดินทางมาพบและฟังหมาเป่าเฒ่ามากขึ้น และเมื่อหมาป่าเฒ่าพูดมากขึ้นๆ บังลังก์ของพญาราชสีห์ ก็เริ่มสั่นคลอนมากขึ้นๆ

โดยต่อมาพญาราชสีห์ที่มักจะออกมาพบปะฝูงสัตว์ต่างๆ ทำตัวสนิทสนม พูดจาอย่างเป็นกันเองกับสัตว์ทุกตัว ก็เก็บตัวเงียบ ไม่พูดอะไรอีกแล้ว

นิทานเรื่องนี้ ยังไม่จบ …..

แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ สัตว์ป่าทุกๆ ตัวทั้งใหญ่น้อย ได้มองไปในทิศทางเดียวกัน คือแหงนมอง “ฟ้า”

ฟ้าที่ปกป้อง ผืนพสุธา ฟ้าที่ให้ความร่มเย็น ฟ้าที่มีแต่ความเมตตาต่อฝืนป่ามาช้านาน

ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าใครผิดใครถูก

No comments: