Sunday, January 14, 2007

ทักษิณแฟนคลับ กับ สุวรรรณภูมิ

มาจนได้ ทักษิณ แฟนคลับ ชอบยกตัวอย่างเกินตัว เอาประเทศที่เขาพัฒนาจนสุดกู่แล้วมาเปรียบเทียบกับตัวเอง แถมเปรียบเทียบแบบผิดๆ ถูกๆ ไม่ดูตามาตาเรืออีกต่างหาก

-----------------
มีการจ้างงานในสนามบินวันละ 56,000 คน ซึ่งมากกว่าเกณฑ์ประชากร 50,000 คนที่ใช้กำหนดสถานะการเป็นเมืองที่ใช้อยู่ในสหรัฐฯ ในพื้นที่ดังกล่าวมีทางมอเตอร์เวย์หลักสองสายที่เชื่อมสนามบินกับตัวเมืองอัมสเตอร์ดัม และพื้นที่อื่นๆ ของเมือง มีสถานีรถไฟสมัยใหม่ซึ่งอยู่ใต้อาคารผู้โดยสารเชื่อมโยงการเดินทางของสนามบินเข้ากับใจกลางของเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ ของประเทศเนเธอร์แลนด์และภูมิภาคโดยรอบภายในทวีปยุโรป
-- เป็นสนามบินที่ดี ก็ขอให้ดีต่อไป แต่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นเมือง
ภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบิน Schiphol จะมีศูนย์การค้าสมัยใหม่ ประกอบด้วย ช็อปปิ้งอาเขต และแหล่งบันเทิงที่กว้างขวาง ซึ่งผู้โดยสารและประชาชนทั่วไปสามารถใช้บริการได้ก่อนที่จะผ่านเข้าไปยังด่านศุลกากร ผู้โดยสารเครื่องบินจะเดินผ่านทางเดินในอาคารที่มีร้านขายของแฟชั่น ภัตตาคาร มุมกาแฟแบบดัทช์แท้ๆ อินเตอร์เน็ตคาเฟ่ และซูเปอร์มาร์เก็ตอาหารดีๆ ส่วนกลุ่มร้านค้าปลีกที่เรียกว่าร้าน See Fly Buy จะอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนที่ต่อจากด่านศุลกากรเข้าไปในพื้นที่เขตนี้จะมีภัตตาคารทุกประเภท ธนาคาร ศูนย์ธุรกิจ ตลอดจนห้องอบซาวน่า นวดตัว หรือพักผ่อนเป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง จากการสร้างเป็นอาคารผู้โดยสารที่มีศูนย์การค้าเช่นนี้ ทำให้สนามบิน Schiphol มีรายได้เพิ่มจากการให้เช่าและจับจ่ายใช้สอยของผู้โดยสาร

-- พื้นที่การค้าในสนามบินเขาก็มีกันมโหฬารทั้งนั้น ที่ SFO นี่แทบจะเป็นห้างอยู่แล้ว ก็ดีแล้ว แต่ก็ไม่เกี่ยวกับเมือง

นอกจากนี้สนามบินสามารถดึงดูดประชาชนที่พักอาศัยในกรุงอัมสเตอร์ดัมให้มาช็อปปิ้งและหาความบันเทิงในอาคารสนามบินเฉพาะส่วนพื้นที่สำหรับประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันอาทิตย์ เมื่อร้านค้าปลีกส่วนใหญ่ในเมืองไม่เปิดขาย-- ก็ห้างชานเมืองธรรมดา แต่อยู่ในเขตสนามบิน คนก็ต้องขับรถไปช๊อป แล้วห้างบ้านเราเปิดเจ็ดวันจะกลัวอะไร
สำหรับพื้นที่ซึ่งอยู่ตรงข้ามอาคารผู้โดยสารของสนามบิน Schiphol คือ World Trade Center ที่มีศูนย์ประชุมและการพาณิชย์ ตลอดจนสำนักงานภูมิภาคของบริษัทต่างๆ เช่น Thomson, CFS และ Unilever อีกทั้งมีโรงแรมระดับ 5 ดาว สองโรงติดกับศูนย์นี้ สำหรับในพื้นที่ซึ่งห่างออกไปขนาดเดิน 10 นาที จะเป็นกลุ่มอาคารสำนักงานคุณภาพระดับสูง ซึ่งเป็นที่ตั้งของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินและบริษัทต่างประเทศด้านบริการทางพาณิชย์และการเงิน มูลค่าทางพาณิชย์ของทรัพย์สินเหล่านี้จะเห็นได้จากค่าเช่าสำนักงาน ซึ่งสามารถเรียกเงินกินเปล่าได้สูงมาก การค้นคว้าวิจัยของบริษัท Jones Lang LaSalle ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ แสดงให้เห็นถึงค่าเช่าสำนักงานในพื้นที่สนามบินเมื่อปี พ.ศ. 2543 ซึ่งโดยเฉลี่ยมีราคาตารางเมตรละ 363 ยูโรต่อปี เทียบกับในกลางเมืองอัมสเตอร์ดัม ซึ่งมีราคาตารางเมตรละ 250 ยูโรต่อปี และในเขตชานเมืองอัมสเตอร์ดัมที่มีราคาตารางเมตรละ 226 ยูโรต่อปี ทั้งนี้ ในช่วงปี พ.ศ. 2540 และ 2545 อัตราค่าเช่าพื้นที่สำคัญๆ ของสนามบิน Schiphol เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 65

-- อันนี้เป็นข้อความที่ ทำให้เกิดความขัดแย้งกันเองของสิ่งที่ ทักษิณแฟนคลับกำลังจะนำเสนอ เพราะนี่คือพื้นที่การค้าชั้นนำ เรื่องโรงแรม หรือศูนย์การประชุมใกล้สนามบิน ใครๆ เขาก็ทำ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเป็นเมือง มันเป็นธุรกิจ แต่จะให้เห็นว่า มันก็คือข้ออ้างเรื่องความสำเร็จของธุรกิจที่อยู่ใกล้สนามบิน ชานเมือง ของประเทศ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ รายได้ต่อหัว เทียบกับค่าครองชีพแล้ว ต่างกับเราอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้มีอะไรมา การันตีว่า เราจะประสบความสำเร็จเหมือนเขา คนไทยเราชอบทำเลียนแบบโดยไม่ได้ดูให้ลึกอยู่ประจำ เปิดหนังสือสวย ก็เอาแบบนี้เลย นอกจากนี้ตลอดริมเส้นทางมอเตอร์เวย์ A4 และ A9 ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางพาณิชย์ของสนามบินประมาณ 500 และ 1,000 เมตร จะมีกลุ่มอาคารสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาค กลุ่มธุรกิจ กลุ่มโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรมไฮเทค กลุ่มศูนย์จัดจำหน่าย กลุ่มศูนย์ข้อมูลสารสนเทศและการสื่อสาร และศูนย์เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ซึ่งบริษัททั้งหมดนี้จะเกี่ยวข้องกับผู้ที่ต้องใช้สนามบินในการทำธุรกิจทั้งสิ้น

-- ยินดีด้วย ก็ไม่เห็นมีใครบอกว่าเป็นสนามบินที่ไม่ดี แต่ไหน ขอดูแผนทำบ้านจัดสรร โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ระบบรถเมล์ของเมือง บ้านพักคนชรา สวนสาธารณะ สนามกีฬา รอบสนามบินแห่งนี้หน่อย มีหรือไม่ ถ้ามี เกิดเป็นวงจร living – working – playing ได้ครบเมื่อไหร่ นั่นคือเมือง ไม่งั้นก็เป็นแค่สนามบิน ที่มีห้างอยู่แค่นั้น เอามาเปรียบอะไรกับ กรณีสุวรรณภูมิ ไม่ได้เลย

แล้วไอ้งานของ Wayne County ที่ Michigan เนี่ย ดูใน Plan ก็อย่างหนึ่ง เป็นเมืองล้อมสนามบิน ด้วย ย่านธุรกิจ แล้วกระจายออกไปเป็นที่อยู่อาศัย แต่ทำไม่ดูใน Perspective ก็เหมือนเป็นเมือง ที่แยก ออกมาจากสนามบิน แล้วมีถนนเชื่อม? แล้วทำไม พูดทุกเรื่อง ไม่พูดเรื่อง สิ่งแวดล้อมเลย

ทักษิณแฟนคลับ ช่วยลองไปทำการบ้านมาหน่อย วันหลังแทนที่จะนั่งอ่านอย่างเดียว ช่วยอ่านแล้วใช้สัญชาติญาณคิดหน่อยว่า เรามีอะไรเหมือน ประเทศฮอลแลนด์บ้าง คนที่โน่นรายได้มหาศาล แต่ของที่เขาซื้อ ราคาไม่ได้ต่างกับเรามาก รถยนต์ราคาถูกกว่าด้วย ของประเทศเรา ห้างชานเมืองที่ออกจากรัศมีความรวยของใจกลางกรุงเทพแล้ว มีห้างไหนที่อยู่รอด หรูหรา โดยไม่ต้อง down grade ห้างตัวเองลงไปให้คนแถวๆ นั้นเดินได้บ้าง แล้วพอ downgrade ตัวเองแล้ว จะคิดค่าเช่าแพงได้หรือไม่ ประเทศเรา นอกจากนายเหนือหัวของคุณแล้ว มีใครไปซื้อของราคาแพงๆ ได้เป็นประจำบ้าง ประเทศไทย คนเดินห้างสรรพสินค้า มีการซื้อแค่ 10% แต่ประเทศพัฒนาแล้ว คือ 70% คนทุกๆคนในสังคมของเขา ไม่ว่าจะเป็นยาม เป็นชาวนา ขับแท๊กซี่ เป็นคนกวาดถนน เขาไปเดินและซื้อของในห้างหรูๆ ได้ แล้ว ประเทศเราเป้นแบบนั้นหรือเปล่า อย่ามาอ้างว่าที่ ฮอลแลนด์ประสบความสำเร็จได้ เราก็ทำได้ มันคนละเรื่อง

แล้วไหนที่เกี่ยวกับเมืองบ้าง

แล้วไหน ประชาพิจารณ์?

ในบทตวามของ Dr. Sekada พูดถึงเรื่อง ที่อยู่อาศัยแค่ประโยคเดียวคือ Job growth, in turn, stimulates residential projects—further fueling Aerotropolis development. Airport areas are even developing their own “brand” image—“the DFW Area” and “the O’Hare Area,” for instance.

ไม่มีใครเถียงคุณว่า มันควรจะมีแผนพัฒนาการเจริญเติบโต ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ทีทำงาน ประหยัดเวลาเดินทาง แ่ต่ เราต้องดูปัญหาของเราเอง ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ปัญหาตอนนี้ นอกจากเรื่องน้ำและเรื่องสิ่งแวดล้อมแล้ว ก็คือปัญหาเรื่องการจัดการ อำนาจสิทธิขาดของนายกรัฐมนตรี ต่อ มหานครสุวรรณภูมิ (Shin City) เขามีอำนาจมากเกินไปหรือเปล่า แล้วผลประโยชน์ ที่จะเกิดจากการซื้อขายที่ดินแถวๆสุวรรณภูมิ อยู่ในมือใคร

เออ ทักษิณแฟนคลับช่วยบอกหน่อยสิว่า ทำไมวิษณุ และ บวรศักดิ์ถึงได้ลาออก แต่สามห่วง วาสนา ปริญญา วีรชัยยังไม่ลาออก อย่ามาบอกว่า เขาทำตามหน้าที่ คนทั่วไปยกย่องเขานะ เพราะว่า คนที่ผมรักมากที่สุดในโลกสองท่านได้ ไปงานใส่ชุดข้าราชการเต็มยศ เพื่อรับเสด็จตอนเสด็จออกสีหบัญชร เจอวาสนา แกนั่งอยู่ ท่านทั้งสองของผมก็ เดินไปเดินมา คุยกับแขกคนอื่นๆ ไม่ได้เข้าไปทักวาสนา เพราะไม่รู้จัก แต่สังเกตุได้ว่า ไม่ีมีใครแม้แต่คนเดียว เดินเข้าไปคุยกับวาสนา เลยในเวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง “ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว” แ้ล้วทันใดนั้นพอวาสนา ลุกขึ้นเดิน คนก็แตกตื่น เดินหนีแหวกเป็นวงล้อม เดินหนีลูกเดียว เพื่อจะได้ไม่ต้องโดนเดินเข้ามาทัก ไม่อยากพูดด้วย เหมือนตัวเชื้อโรคดีๆ นี่เอง นี่หรือคนที่ ทักษิณแฟนคลับบอกว่า ทำถูกทุกประการ สี่คนก็ได้ ไล่ก็ไม่ไป ทุกวันนี้เห็นแล้วว่าอุ้มใึคร แบบที่เราเถียงกันสมัยโน้นน นานมาแล้วน่ะ ถ้าทำถูกคนทั่วๆ ไปเขาจะสั่งสอนน้าหนาแกแบบนี้หรือ

คนอื่นเขาโง่กว่าคุณหมดเลยหรือเปล่า ทักษิณแฟนคลับ

No comments: